จุดเด่นของแบตเตอร์รี่ลิเทียมไอออนฟอสเฟตจาก BYD

แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนฟอสเฟต (Lithium Iron Phosphate battery, LFP battery, หรือ LiFePO4) ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ด้วยวัสดุที่ทนความร้อนที่เกิดจากปฏิกิริยาเคมีได้ดียิ่งขึ้น ให้พลังไฟฟ้าได้สูงกว่า ไร้มลพิษ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าเดิมมาก ใช้เวลาในการชาร์จประจุไฟฟ้าสั้นกว่าเดิม ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่แบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออนฟอสเฟตมีประสิทธิภาพสูงกว่าแบตเตอรี่แบบตะกั่ว-กรด (Lead-acid battery) ให้ความคุ้มค่าในการลงทุนที่เหนือกว่า

เปรียทเทียบระหว่างแบตฯ ลิเทียมไอออนฟอสเฟต และแบตฯ ตะกั่ว-กรด

รายละเอียด แบตฯ ลิเทียมไอออนฟอสเฟตแบบใหม่ แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรดแบบดั้งเดิม
รอบการใช้งาน หลังใช้งานแล้ว 4,000 รอบ จะเก็บประจุไฟฟ้าได้ >75% หากชาร์จประจุไฟฟ้าวันละครั้งเป็นจำนวน 4,000 รอบ DOD สามารถมใช้งานได้กว่า 10 ปี (ตามเงื่อนไขที่เหมาะสม) ใช้งานได้ประมาณ 1,200-1,500 รอบ
ไอเสีย/ไอพิษ ไม่มีก๊าซพิษหรือก๊าซไวไฟขณะชาร์จประจุไฟฟ้า ปลดปล่อยก๊าซไฮโดรเจนซึ่งไวไฟ ขณะชาร์จประจุไฟฟ้า
การชาร์จประจุไฟฟ้า ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. สำหรับตู้ชาร์จขนาด 200A (ขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่) ใช้เวลา 8-10 ชม.
อุณหภูมิสำหรับการปฏิบัติการ ที่อุณหภูมิ -25 °C อัตราคายประจุสูงกว่า 75%
ที่อุณหภูมิ -40 °C อัตราคายประจุสูงกว่า 60%
ที่อุณหภูมิ -25 °C อัตราคายประจุลดเหลือ 40%
ที่อุณหภูมิ -40 °C อัตราคายประจุลดเหลือเกือบศูนย์
ระดับความปลอดภัย ไม่มีมลภาวะโดยสิ้นเชิงระหว่างการผลิตและใช้งาน ตะกั่ว-กรดซัลฟูริคเป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
มลภาวะ ความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม ได้รับการทดสอบในระดับสูงสุดจาก EUROPEAN safety standard เหนือมาตรฐาน FEM (Federation European Manufactures) แบตเตอรี่ได้รับการทดสอบภายใต้เงื่อนไขต่างๆ เช่น การกระแทก เปลวเพลิง วัตถุมีคม ปลดปล่อยก๊าซไวไฟ (ไฮโดรเจน) ขณะชาร์จประจุไฟฟ้า เสี่ยงต่อเพลิงไหม้หรือกระทั้่งการระเบิด
ประสิทธิภาพ คายประจุได้ถึงระดับ 98% ในทุกๆรอบการชาร์จประจุไฟฟ้า ชาร์จประจุไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพได้ 60%-70% คายประจุได้ถึงระดับ 70% เท่านั้น

เปรียบเทียบการใช้รถโฟล์คลิฟท์อย่างต่อเนื่อง ด้วยแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด และ แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนฟอสเฟต

ใช้งานต่อเนื่องไม่ได้

(ต้องหยุดชาร์จประจุไฟฟ้า 8-12 ชม.หรือต้องสลับแบตฯลูกใหม่)

เมื่อใช้ไฟฟ้าจากแบตฯมากกว่า 60% (Discharge มากกว่า 60% DOD) จะเริ่มเกิด “ขี้เกลือ” ปฏิกิริยา Sulfation) ทำให้แบตฯเสื่อมสภาพ

ขี้เกลือ (ปฏิกิริยา Sulfation) เกิดจาก

  • มีแรงต้านทานจากภายใน แบตเตอรี่มีความร้อนมากขึ้นและแรงดันไฟฟ้าลดลง
  • การเปลี่ยนแปลงของรอบการชาร์จประจุไฟฟ้า
  • เมื่อเวลาผ่านไปกรดจะเปลี่ยนเป็นขี้เกลือ เกิดความเสียหายบนแผ่นธาตุของแบตเตอรี่

ใช้งานได้ไม่ต่ำกว่า 20 ชม.

แบตฯลิเทียมไอออนฟอสเฟต จากรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า BYD ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายรายวัน โดยลดต้นทุนในการบำรุงรักษา ค่าพลังงานไฟฟ้า หรือแม้แต่ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตฯลูกใหม่

จุดศูนย์ถ่วงที่มั่นคง ได้มาตรฐานจากโรงงาน จุดศูนย์ถ่วงที่ไม่มั่นคง (ประเด็นเรื่องความปลอดภัย) เนื่องจากออกแบบให้ใช้กับแบตฯตะกั่ว-กรด (400-600 กก.) รถโฟล์คลิฟท์อาจมีน้ำหนักเบากว่าที่ควร
จุดศูนย์ถ่วงของน้ำหนักสินค้าที่ได้มาตรฐาน ได้รับการรับรองจากโรงงาน จุดศูนย์ถ่วงของสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน (ไม่ได้รับการรับรองทางวิศวกรรม)
จอแสดงผลแบบ TFT รายงานข้อมูลโดยตรงจาก BMS (Battery Management System) จอแสดงผลของแบตฯไม่ได้เชื่อมกับ Control panel ของตัวรถโฟล์คลิฟท์
มั่นใจได้ด้วยอะไหล่แท้จากโรงงาน ต้องพึ่งพาอะไหล่บางชิ้นจากผู้จำหน่ายแบตฯแต่ละราย
สายไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานตามคุณสมบัติของแบตเตอรี่ (CAN Integration) สายไฟฟ้าอาจไม่ได้มาตรฐานตามคุณสมบัติของผู้ผลิตแบตเตอรี่ อาจเกิดการลัดวงจรและเป็นสาเหตุของไฟไหม้
แรงดันไฟฟ้าสูง (80 V) แรงดันไฟฟ้าไม่คงที่

ใบรับรองมาตรฐานความปลอดภัย UL1642 สำหรับแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนฟอสเฟต

นวัตกรรม

นวัตกรรมจาก BYD ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ล้ำสมัยในหลายรูปแบบ เช่น ยานยนต์ การขนส่ง แบตเตอรี่ และอิเล็กทรอนิกส์ นวัตกรรมเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายมากขึ้น ทำงานง่ายขึ้น และมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นหนึ่งปัจจัยหลักที่เสริมสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่ง สร้างความได้เปรียบในการแข็งขัน และปรับเปลี่ยนโลกนี้ให้สวยงามอย่างยั่งยืน

แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนฟอสเฟต

BYD เป็นหนึ่งในผู้นำการการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าหรือ EV (Electric Vehicle) โดยแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์จาก BYD ได้รับการพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของการสั่งสมประสบการณ์และการค้นคว้าที่ท้าทายต่างๆ ในปัจจุบันแบตเตอรี่ของ BYD ได้ถูกนำไปใช้ในยานยนต์ต่างๆกว่า 40 รุ่น ครอบคลุมทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล ยานยนต์เชิงพานิชย์ ยานยนต์พิเศษ หรือแม้แต่รถฟอร์คลิฟท์

แบตเตอรี่ที่ดีที่สุด

ด้วยแนวคิด “เทคโนโลยีคือราชาและนวัตกรรมคือรากฐาน” แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนฟอสเฟต (Lithium Iron Phosphate, LFP, LiFePO4 หรือ Li. Iron.) จาก BYD จึงเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนฟอสเฟต ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกและนำไปใช้งานในเชิงพาณิชย์รูปแบบต่างๆ เช่น รถยนต์ รถโดยสาร รถไฟ รถยนต์เชิงพาณิชย์ งานโลจิสติกส์ต่างๆ สถานีชาร์จพลังประจุไฟฟ้า (Charing station) ทำตลาดใน 50 ประเทศ 240 เมืองทั่วโลก

ประสิทธิภาพสูง

แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนฟอสเฟตจาก BYD มีประสิทธิภาพการชาร์จสูง (ประสิทธิภาพการชาร์จเกิน 98%) สามารถคายประจุ DOD ได้ถึง 98% และสามารถรองรับการชาร์จที่รวดเร็ว (Fast charge)

ไร้มลพิษ

ไม่มีมลพิษจากโลหะหนักในกระบวนการผลิต ไม่มีมลพิษและไม่มีการปล่อยมลพิษระหว่างการใช้งาน เป็นไปตามกฎข้อบังคับด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของ RoHs ไม่มีละอองกรดเกิดขึ้นระหว่างการชาร์จประจุไฟฟ้า หลังใช้งานจนครบ Life cycle สามารถนำแบตเตอรี่กลับไปรีไซเคิลได้

ความปลอดภัยที่เชื่อถือได้

ผ่านการทดสอบอย่างเข้มข้น สามารถทนต่อการทดสอบในสภาวะที่รุนแรง (Extreme environment) โดยจะไม่ติดไฟหรือระเบิดในการทดลอง เช่น การชนกัน การอัดด้วยแรงดันสูง การแทงด้วยเข็ม และผลกระทบจากอุณหภูมิสูงและต่ำ

อายุการใช้งานที่ยาวนาน

ภายใต้สภาวะการชาร์จและการคายประจุปกติ (Charging and discharging cycle) จะสามารถคงความจุไว้ได้มากกว่า 75% หลังการใช้งาน 4,000 รอบ และอายุการใช้งานยาวนานกว่า 10 ปี เป็นผลให้ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งานของรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า

ไม่ต้องบำรุงรักษา

แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนฟอสเฟต BYD ปิดสนิทและไม่ต้องบำรุงรักษา ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น ช่วยป้องกันความเสี่ยงและความเสียหายจากการบำรุงรักษาแบบผิดวิธีเมื่อเปรียบเทียบกับแบตเตอรี่แบบเดิม (แบตเตอรี่กรด-ตะกั่ว)

ใช้งานได้แม้ในสภาพอุณหภูมิที่สูงหรือต่ำสุด

แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนฟอสเฟต BYD สามารถใช้งานได้ดีแม้ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีอุณหภูมิสูงหรือต่ำระหว่าง -40 ถึง +60 °C มีประสิทธิภาพเหนือกว่าแบตเตอรี่แบบกรด-ตะกั่วมาก

ระบบจัดการแบตเตอรี่

จากประสบการณ์ด้านพลังงานสะอาดกว่า 20 ปี BYD ได้พัฒนานวัตกรรม “ระบบจัดการแบตเตอรี่” (Battery Management System หรือ BMS) สามารถวัด, แจ้งสถานะ / ปริมาณประจุไฟฟ้าคงเหลือ / อุณหภูมิของแบตเตอรี่ได้อย่างแม่นยำ (Real time) ควบคุมกระแสไฟฟ้า และเทคโนโลยีการชาร์จประจุไฟฟ้า ฯลฯ แบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงและใช้งานได้ยาวนานนั้นเป็นผลลัพธ์ของการผสานกันอย่างลงตัวของ การออกแบบโครงสร้างที่เหนือกว่าด้วย วัดถุดิบคุณภาพสูง และ “ระบบจัดการแบตเตอรี่” รวมกันเป็นนวัตกรรมใหม่ของพลังงานสะอาดสำหรับรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า

ทีมออกแบบและวิจัยพัฒนารถโฟล์คลิฟท์

ทีมนักวิจัยและพัฒนาจาก BYD Forklift Research Institute เป็นผู้มีประสบการณ์อันยาวนานจากอุตสาหกรรมยานยนต์และไฟฟ้า ได้ร่วมกันพัฒนาซอฟต์แวร์ ออกแบบตัวถัง และทดสอบ สะสมข้อมูลองค์ความรู้มากมายสำหรับพัฒนารถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า “บีวายดี” (ฺBYD forlfit) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างในอุตสาหกรรมต่างๆ

ศูนย์ทดสอบชั้นนำของวงการ

รถโฟล์ลิฟท์ “บีวายดี” ได้ลงทุนเป็นจำนวนมากในการพัฒนาศูนย์ทดสอบระบบที่สำคัญ เช่น การออกแบบโครงสร้าง ระบบแรงดันไฮดรอลิก ระบบไฟฟ้า และผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม พร้อมอุปกรณ์ล้ำสมัยในการทดสอบมากมาย ควบคุมโดยผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์

โรงงานผลิตระดับนานาชาติ

รถโฟล์คลิฟท์ “บีวายดี” ผลิตโดยโรงงานผลิตชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรม มีกำลังการผลิตรถโฟล์คลิฟท์กว่า 30,000 คัน/ปี สร้างขึ้นบนพื้นฐานของระบบ digital factory และประยุกต์ใช้ระบบ Intelligent Logistics Ecosystem เพื่อควบคุมงานต่างๆ เช่น การสร้างรถโฟล์คลิฟท์แบบ AGV (Automated Guided Vehicle) การวางแผนการผลิต การทดสอบต่างๆ การจัดการคลังสินค้า การบริหารวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ

ระบบคุณภาพ (Quality control หรือ QC)

ระบบควบคุมคุณภาพที่ใช้มาตรฐานระดับสูงเทียบเท่าอุตสาหกรรมรถยนต์ ควบคุมโดยระบบ IT การบริหารจัดการคุณภาพการประกอบตามลำดับขั้น สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ในทุกขั้นตอน